ปลูกพืช ปลูกผัก ปลูกภูมิ ง่ายๆด้วยตนเอง ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ การเลือกทานอาหารจึงสำคัญ ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกรับประทานผักและผลไม้ที่ปลอดสารพิษ บ้างก็ปลูกพืช ปลูกผักง่ายๆปลอดสารพิษไว้รับประทานเองที่บ้าน ผัก ผลไม้หลายชนิดมีจะมีสารตั้งต้นสร้าง “วิตามินเอ” มีสารที่เรียกว่า เบตาแคโรทีน หรือแคโรทีนอยด์ พืชผักและผลไม้ที่มีวิตามินสูงจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกายได้ โดยรับประทานผักผลไม้ให้ได้เบต้าแคโรทีนปริมาณ 30-60 มิลลิกรัมต่อวัน จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้อย่างชัดเจน
ตามหลักการโภชนาการ การรับประทานให้เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน โดยเฉพาะอาหารเสริมเพิ่มภูมิต้านทาน ผักผลไม้มีหลากหลายวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นกับร่างกาย ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ในร่างกายต่างๆถูกทำลาย
การปลูกพืช ปลูกผักสวนครัวไว้รับประทานเอง นอกจากจะได้รับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษ ผักสดสะอาด ประหยัดค่าใช้จ่าย เป็นกิจกรรมยามว่างให้กับครอบครัว และยังเป็นการปลูกภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเมื่อได้ทานผักที่มีประโยชน์ ถ้าปลูกเป็นปริมาณสามารถนำมาขายได้ทำให้เพิ่มรายได้อีกด้วย
การปลูกผักทานเองไม่ได้ยากแบบที่ใครหลายคนคิด ปลูกง่าย ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์การปลูกที่ยุ่งยาก สามารถใช้วัสดุใกล้ตัวได้ ใช้ระยะเวลาการปลูกไม่นาน เป็นผักที่สามารถปลูกได้ง่าย และสะดวกแถมมีประโยชน์ต่อร่างกายหากรับประทานเป็นประจำ
แนะนำ 5 สมุนไพรช่วยปลูกภูมิ
กระชายขาว (Finger Root)
สมุนไพรและอาหารไทยมากด้วยคุณประโยชน์เพื่อรักษาสมดุลให้ร่างกาย สร้างภูมิคุ้มกัน โดยใช้สารสกัดกระชายขาวยับยั้งเชื้อไวรัส จากงานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของคณะวิทยาศาสตร์ และ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ทั้งนี้กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้คนไทยสร้างภูมิคุ้มกันโดยใช้พืชสมุนไพรพื้นบ้านอย่างกระชายขาวมี “รสสุขุม” มีรสเป็นกลางไม่ร้อนและไม่เย็น เพื่อปรับสมดุลธาตุ ใช้สมุนไพร “รสเย็น” เพื่อลดไข้
วิธีการปลูกกระชายขาว
- ตัดหัวหรือเหง้าที่ติดราก 2-3 ราก แช่น้ำทิ้งไว้ 2 คืน โดยใช้ 3-5 หัวต่อกระถาง
- นำดินร่วนผสมปุ๋ยคอกในอัตราส่วน ดินร่วน 2 ส่วน : ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
- ใส่ดินลงในกระถางประมาณ 3 ส่วน 4 ของกระถาง (แนะนำกระถางขนาด 15 ซม.)
- นำหัวหรือเหง้ากระชายใส่ลงในกระถาง แล้วใส่ดินกลบให้มิด จากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
- ใบอ่อนจะแตกใช้ระยะเวลา 1 เดือน
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว: กระชายจะเก็บเกี่ยวได้หลังปลูกประมาณ 7-8 เดือน ควรคลุมหน้าดินด้วยฟางและรดน้ำเป็นครั้งคราว เพื่อป้องกันเหง้าและรากฝ่อในช่วงฤดูร้อน
เมนูอาหาร: ผัดฉ่าลูกชิ้นปลากราย , สปาเกตตี้ขี้เมาทะเล , แกงป่าไก่ , แกลงเลียงกุ้งสด , เมนูน้ำดื่มอย่างน้ำกระชายน้ำผึ้งมะนาว
กะเพรา
Holy basil ราชินีแห่งสมุนไพร (The Queen of herbs) หรือยาอายุวัฒนะ (The Elixir of life) กะเพราเป็นไม้ล้มลุกมี 2 สายพันธุ์ กะเพราแดง และ กะเพราขาว รสฉุน ร้อน เป็นสมุนไพรมีสรรพคุณทางยาช่วยรักษาโรคได้มากมาย ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคและช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์โดยใช้น้ำมันสกัดจากใบกะเพรา กะเพราเป็นสมุนไพรไทยและอาหารไทยที่คนไทยนิยมรับประทานเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมนูอาหารยอดฮิตของคนไทย
วิธีการปลูกกะเพรา
- ปลูกโดยการใช้เมล็ด เตรียมดินใส่กระถาง หว่านเมล็ดลงไปให้ทั่ว ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งกลบทับให้ทั่ว รดน้ำทุกวันหลังจากนั้นประมาณ 7 วัน เมล็ดจะงอกเป็นต้นกล้า
- ปลูกโดยการปักชำ โดยการตัดต้นและกิ่งแก่ที่มีอายุมากกว่า 8 เดือน มีความยาว 5-10 เซนติเมตร นำไปปักชำในกระถางหรือแปลงที่เตรียมไว้ นำดินกลบส่วนที่ปักชำบาง ๆ จากนั้น เอาฟางหรือหญ้าแห้งคลุมและรดน้ำให้ชุ่มเช้าเย็นทุกวัน
- ปลูกโดยใช้ต้นกล้า วิธีนี้เป็นวิธีที่เกษตรกรนิยมกันมากที่สุดเพราะทำให้ได้ผลผลิตสูงและสะดวกในการจัดการ โดยทำการเพาะกล้าในแปลงเพาะจนกระทั่งกล้ามีอายุ 20-25 วัน ทำการย้ายปลูกลงกระถางหรือลงแปลงที่เตรียมไว้ ใช้ฟางหรือหญ้าแห้งคลุมระหว่างแถว รดน้ำตามทันทีและรดน้ำทุกวัน
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : ประมาณ 30 – 35 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้
เมนูอาหาร : ผัดกะเพรา , ต้มยำปลา , ทอดมันปลา
ผักสลัด
Salad greens ผักสลัดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี มีไขมันต่ำ เส้นใยอาหารจำนวนมากช่วยระบบขับถ่าย ผักสลัดมีมากมายหลายชนิด เช่น ผักกาดหอม , กรีน โอ๊ค , เรด โอ๊ค , ผักกาดแก้ว , เรด คอรัล , ร็อกเก็ต , ไวลด์ ร็อกเก็ต , คอส , บัตเตอร์เฮด ผักสลัดส่วนใหญ่มีประโยชน์ทั้งช่วยบำรุงสายตา บำรุงเส้นผม บำรุงระบบประสาท บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงผิว แถมยังช่วยลดคอเลสเตอรอล หรืออย่างฟิลเล่ ไอซ์เบิร์ก มีวิตามินซีสูงมาก จึงช่วยป้องกันโรคหวัดและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
วิธีการปลูกผักสลัด
- ใช้ดินปลูกในกระถาง เตรียมดิน ปุ๋ยคอกและขุยมะพร้าว (อัตราส่วน 1:1:1) คลุกผสมให้เข้ากันใส่ในถาดเพาะเมล็ดแบบหลุม หยอดเมล็ดลงในดินลึก 4 นิ้ว แล้วใช้ดินกลบเมล็ด รดน้ำแล้ววางไว้ในที่ร่ม ประมาณ 7 วัน ย้ายต้นกล้าไปลงในกระถางหรือแปลงปลูก กลบดินเบา ๆ แล้วใช้ฟางคลุมลำต้น เพื่อป้องกันหน้าดินแห้ง แล้วรดน้ำอย่างเบามือ นำไปตั้งไว้ในที่ที่รับแสงแดดได้เต็มที่
- ใช้น้ำปลูกในขวดพลาสติก วิธีการนี้จะรู้จักกัน การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponic Vegetable) โดยไม่ใช้ดิน แต่เป็นการให้สารอาหารผ่านน้ำ ปลูกง่าย ศัตรูพืชน้อย ลงทุนต่ำ คาดการณ์ผลผลิตได้ง่าย มีขั้นตอนดังนี้
- นำเมล็ดผักมาใส่ลงในฟองน้ำ ประมาณ 1 เม็ดต่อ 1 ชิ้น สำหรับผักสลัดควรใช้น้ำสะอาดที่ไม่มีคลอรีน หาภาชนะคลุมป้องกันการโดนแสงแดด ประมาณ 3 วัน
- นำฟองน้ำที่ใส่เมล็ดแล้ว แช่น้ำ 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้เมล็ดงอกมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- นำฟองน้ำที่แช่เมล็ดแล้ว มาใส่ลงในขวดพลาสติก โดยการตัดขวด 3/4 ส่วน ละคว่ำบริเวณปากขวดลงไป เติมน้ำลงไปจนเต็มส่วนล่าง ควรใส่ฟองน้ำให้ยื่นออกมาจากปากขวดนิดหน่อย เพื่อให้เวลารากงอกจะได้แตะกับน้ำพอดี
- รอเมล็ดงอกต้นอ่อนขึ้นมาประมาณ 3-5 วัน จึงใส่ปุ๋ยสารอาหาร A , B ที่ไว้สำหรับผักไฮโดรโปนิกส์ (ตามฉลากอัตราส่วนของผักแต่ละชนิดที่ติดไว้ข้างขวด)
- ควรตรวจสอบระดับน้ำเป็นประจำ อย่าให้แห้งและต่ำกว่าราก แนะนำให้ใส่ปุ๋ยประมาณอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : ประมาณ 30-45 วัน หรือตามความต้องการขนาดความโตของผัก
เมนูอาหาร : สลัดผัก , สลัดโรล , คอร์นสลัด , แซนวิช , ซีซาร์สลัด
พริกขี้หนู
สมุนไพร รสจัดจ้าน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกา เป็นพืชที่มีมาแต่โบราณ จัดเป็นสมุนไพร ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง มีประโยชน์มากมายจากการรับประทานพริกขี้หนู ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง บรรเทาอาการเจ็บปวดของร่างกาย ช่วยกระตุ้นเผาผลาญ ช่วยลดไขมันและลดน้ำหนัก สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น ไซนัส ภูมิแพ้ หอบหืด หลอดลมอักเสบ ให้รับประทานพริกอย่างเป็นประจำ ทำให้หายใจโล่งขึ้น จะช่วยลดปริมาณน้ำมูก ช่วยลดอาการคัดจมูก บรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ช่วยขับเสมหะ ข้อควรระวังในพริกขี้หนูมีสารแคปไซซิน ที่ทำให้เกิดการระคายเคือง การรับประทานในปริมาณมากเกินไปจะทำให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื้อในปาก รวมไปถึงระบบทางเดินอาหาร
วิธีการปลูกพริกขี้หนู
- ห่อเมล็ดพันธุ์ในถุงผ้าและแช่ในน้ำทิ้งไว้ 1 คืน นำออกมาผึ่งแดดอีกครึ่งวัน ก่อนแกะเมล็ดพริกออกมาปลูก
- เตรียมดิน : ปุ๋ยคอกเก่า : ขี้เถ้าแกลบ (อัตราส่วน 2:1:1) ใส่กระถางหรือแปลงปลูก ขุดหลุมดินหย่อนเมล็ดพริกที่เตรียมไว้ลงในหลุมประมาณ 3-4 เมล็ด กลบดิน รดน้ำให้ชุ่ม
- เมื่อต้นกล้าเริ่มงอกย้ายลงปลูกในกระถางหรือแปลงปลูกที่มีดินร่วนปนทรายผสมปุ๋ยหมักพริกชอบแสงแดด ควรวางกระถางหรือแปลงปลูกให้อยู่กลางแจ้ง และควรรดน้ำทุกวัน หรือวันเว้นวัน เพื่อทำให้ต้นพริกแตกกิ่งแขนงดี
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่มีอายุ 60-90 วันแล้วแต่พันธุ์พริก พริกมีอายุอยู่ได้นานถึง 6 เดือน
เมนูอาหาร : ผักพริกขี้หนู , น้ำพริกกะปิ , น้ำจิ้มซีฟู้ด , ต้มยำ , ส้มตำ
มะนาว
Lime เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กตระกูลส้ม มะนาวมีประโยชน์ใช้ในการรักษาได้หลายโรค โดยใช้ เปลือก ผล น้ำมะนาวและน้ำมันจากผิวเปลือกมะนาว ในน้ำมะนาวมีกรดซิตริก กรดมาลิก กรดแอสคอร์บิก มีวิตามินซีสูง วิตามินบี และแร่ธาตุอื่นๆ ด้วย เช่น แคลเซียม โพแทสเซียมฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆในร่างกาย เพื่อป้องกันเซลล์ในร่างกายถูกทำลายจากอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ยังต่อต้านการอักเสบเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย ช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันไม่ให้ร่างกายเป็นโรคหวัด เพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กในร่างกาย และมีโพแทสเซียมสูง ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง และเส้นประสาทอีกด้วย คุณประโยชน์ของมะนาว ด้านโภชนาการถูกนำมาประกอบทำอาหาร ทำเครื่องดื่ม ทำขนม ยังมีสรรพคุณเป็นยาอีกด้วย
วิธีการปลูกมะนาว
- ปลูกมะนาวลงดิน ใช้กิ่งพันธุ์ที่สมบูรณ์นำมาปักชำลงในถุงดำที่มีดินผสมแกลบและขุยมะพร้าว เมื่อรากแข็งแรงก็ย้ายปลูกในกระถางหรือหลุมปลูก ใช้ดินร่วนซุยโดยให้ระดับดินอยู่ต่ำจากปากกระถางประมาณ 1 ใน 3 หาไม้ยึดลำต้นมะนาวให้แข็งแรง
- ปลูกมะนาวในน้ำ นำต้นมะนาวลงไปปลูกในกระถางเจาะรูที่มีขุยมะพร้าวรองก้นสูง โดยเจาะรูให้ทั่วกระถาง ตามด้วยดินที่ผสมปุ๋ยคอก และขุยมะพร้าว เจาะรูฝาถังน้ำขนาด 100-200 ลิตร ให้มีขนาดเท่ากับกระถางที่เจาะรู ผสมน้ำเปล่า 20-40 ลิตร กับน้ำหมักชีวภาพ 10-20 ลิตร แล้วรดที่ต้น และย้ายต้นไปไว้ในที่ร่ม เปลี่ยนถ่ายน้ำในถังและปุ๋ยในกระถางทุก 3 เดือน ให้นำผ้ายางดำมาคลุมต้นทิ้งไว้ 20 วัน แล้วค่อยเอาออก
- ปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ ใช้บ่อซีเมนต์ต้องรองก้นบ่อด้วยฝาบ่อซีเมนต์ขนาด 100 เซนติเมตร เตรียมกิ่งพันธุ์สมบูรณ์มาชำลงในถุงดำที่มีดินผสมแกลบ เมื่อรากแข็งแรงแล้วก็ย้ายลงมาปลูกในบ่อซีเมนต์ กลบดินบริเวณโคนต้นให้แน่น หาไม้ยึดลำต้นมะนาวให้แข็งแรง
ระยะเวลาเก็บเกี่ยว : มะนาวมีอายุการเก็บเกี่ยว 7-8 เดือนหลังจากดอกบาน
เมนูอาหาร : น้ำกระชายน้ำผึ้งมะนาว , ปลานึ่งมะนาว , ไก่ต้มฟักมะนาวดอง , เมี่ยงคำ
ยังมีผักและผลไม้อีกหลายชนิดที่สามารถปลูกเองได้ที่บ้านและยังมีประโยชน์กับร่างกาย เพื่อปลูกภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง เสริมสร้างภูมิต้านทาน บำรุงสายตา บำรุงระบบประสาท บำรุงผิวพรรณ ได้แก่ฟ้าทะลายโจร มะระขี้นก ขิง ข่า ตะไคร้ กระเทียม มะเขือเทศ บร็อคโคลี่ ยอดสะเดา ส้ม ฝรั่ง เป็นกลุ่มที่มีวิตามินซีสูง ถือเป็นกลุ่มพืช ผักที่มีสารสําคัญในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสนั่นเอง