ข้อควรรู้กับปริมาณสารสกัดได้มาตรฐานและมีคุณภาพ การนำสารสกัดจากพืช สมุนไพร จากธรรมชาติต่างๆ นำมาเป็นวัตถุดิบหลักในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อเป็นอาหารเสริมให้กับผู้บริโภค โดยการคิดและคำนวณจาก สรรพคุณ และคุณสมบัติของการนำสารสกัดแต่ละชนิดมารวมผสมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับร่างกาย
ในปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพ และบริโภคผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพมากกว่าผลิตภัณฑ์เสริมเคมี ซึ่งเป็นปัจจัยในการกระตุ้นความต้องการสารสกัดจากพืช จากธรรมชาติ จากสมุนไพรเพิ่มมากขึ้น
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัส ทำให้ผู้บริโภคมีความสนใจในเรื่องสุขภาพขึ้นมากจึงถือเป็นยุคแห่งทางเลือกอาหารสุขภาพ ทั้งทางตรงจากพืชผัก ผลไม้ ที่ไร้สารเคมี ปลอดสารพิษ ดีต่อตนเองและสิ่งแวดล้อม และทางอ้อมอย่างผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ได้รับความนิยมมากมายในปัจจุบัน ช่วยเสริมคุณค่าสารอาหารต่างๆที่ร่างกายต้องการ
- มีข้อกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานที่เป็นไปตามวัตถุเจือปนอาหาร
- ได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้
- ใส่หรือบรรจุปริมาณตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด
- มีอยู่จริง ใช้เป็นอาหารและยาที่สามารถบริโภคได้มาเป็นเวลานานกว่า 15 ปี
- มีชื่อสารสำคัญที่ถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
- ต้องมีกรรมวิธีการผลิต สารละลายที่ใช้ในกระบวนการการสกัดที่ระบุได้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด
แหล่งข้อมูลตรวจสอบสารสกัดที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพ
สามารถตรวจสอบรายชื่อสารสกัดในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา https://www.asianbioplex.com/fda-dosage
- ประกาศ อย. รายชื่อพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฉบับที่ 1 ( 7 ส.ค. 2560 )
https://www.asianbioplex.com/wp-content/uploads/2018/12/600810_name.pdf
- ประกาศ อย. รายชื่อพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ฉบับที่ 2 ( 22 ส.ค. 2561 )
https://www.asianbioplex.com/wp-content/uploads/2018/12/PlantName_2.pdf
- ข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดกรดอะมิโน
https://www.asianbioplex.com/wp-content/uploads/2018/12/Amino%20Acids_Food_Supplement.pdf
- ข้อกำหนดการใช้ส่วนประกอบที่สำคัญของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดวิตามินและแร่ธาตุ
https://www.asianbioplex.com/wp-content/uploads/2018/12/Vitamins%20%26%20Minerals.pdf
- หลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการเติมสารอาหารในผลิตภัณฑ์อาหาร (Nutrification)
https://www.fda.moph.go.th/sites/food/Permission/4.4.1-RuleNutrification_Edit1fab49.pdf
- หลักเกณฑ์การเติมส่วนประกอบต่างๆในอาหาร
https://www.fda.moph.go.th/sites/food/Permission/4.3.2-RuleAddSomething.pdf
มาตรฐานสารอาหารที่แนะนำบริโภค
อีกหนึ่งมาตรฐานที่ควรรู้เกี่ยวกับสารอาหารที่ต้องได้รับในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้การบริโภคที่มากเกินไปและน้อยเกินไป ข้อมูลจากวิกิพีเดีย สารอาหารที่แนะนำให้บริโภคประจำวันสำหรับคนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป (Thai Recommended Daily Intakes: Thai RDI) เป็นค่าอ้างอิงที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจัดทำขึ้น เพื่อใช้คำนวณและแสดงในฉลากโภชนาการ โดยคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี โดยมีเกณฑ์ ดังนี้
- โปรตีน ตามน้ำหนักตัว กรัม (เช่น น้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ควรได้รับโปรตีนต่อวันคือ 50 กรัม)
- ไขมันทั้งหมด น้อยกว่า 65 กรัม
- กรดไขมันอิ่มตัว น้อยกว่า 20 กรัม
- คอเลสเตอรอล น้อยกว่า 300 มิลลิกรัม
- คาร์โบไฮเดรต ทั้งหมด 300 กรัม
- ใยอาหาร 25 กรัม
- โซเดียม น้อยกว่า 2,400 มิลลิกรัม
หลักเกณฑ์การเติมสารอาหารในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
ปริมาณสารอาหารที่ สนง.คณะกรรมการอาหารและยาอนุญาตให้เติม https://www.fda.moph.go.th/sites/food/Permission/4.3.2-RuleAddSomething.pdf
- วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน 150% RDI
- วิตามินที่ละลายได้ในน้ำ 200% RDI
- เกลือแร่ทั่วไป 150% RDI
- โซเดียม 100% RDI
- เหล็ก , สังกะสี 120% RDI
- ฟลูออไรด์ และไอโอดีน ต้องเป็นไปตามความเห็นชอบของ สนง.คณะกรรมการอาหารและยา
มาตรฐานวัตถุเจือปนอาหาร
วัตถุเจือปนอาหาร หมายถึง เป็นวัตถุที่ตามปกติไม่ได้ใช้เป็นอาหารหรือส่วนประกอบที่สำคัญของอาหาร แต่ใช้เจือปนในอาหารเพื่อประโยชน์ทางเทคโนโลยีการผลิต การปรุงแต่ง รูป รส กลิ่นอาหาร การขนส่ง การบรรจุการเก็บรักษา ซึ่งล้วนมีผลต่อคุณภาพหรือมาตรฐาน หมายความรวมถึงวัตถุที่ไม่ได้เจือปนในอาหารเช่น วัตถุกันชื้น วัตถุดูดออกซิเจน เป็นต้น แต่ไม่รวมสารอาหาที่เติมเพื่อเพิ่มหรือปรับให้คงคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข(ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร เพื่อใช้เป็นประกาศฉบับหลักในการควบคุมและกำกับดูแลการใช้วัตถุเจือปนอาหารในผลิตภัณฑ์อาหารให้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค https://www.fda.moph.go.th/sites/food/Shared%20Documents/GMP/GMPKM_4.pdf
โดยมีข้อกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน ดังนี้
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 381) พ.ศ.2559 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 4)
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 389) พ.ศ.2561 เรื่อง วัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 5)
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 417) พ.ศ.2563 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไข วิธีการใช้ และอัตราส่วนของวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 1)
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 418) พ.ศ.2563 เรื่องกำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไข วิธีการใช้ และอัตราส่วนของวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 2)
เป็นเรื่องที่สำคัญอีกมาตรฐานที่ผู้บริโภคควรรู้เกี่ยวกับความปลอดภัย โดยจะต้องมีการประเมินความปลอดภัยจากหน่วยงานประเมินความปลอดภัยที่ สนง. คณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับ จากประกาศสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรื่อง รายชื่อหน่วยประเมินความปลอดภัยที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้การยอมรับ ปัจจุบันมี 3 หน่วยงาน
- สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
- สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม
- ศูนย์ประเมินความเสี่ยงประเทศไทยสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
แหล่งข้อมูลอื่นๆ เพื่ออ้างอ้งด้านความปลอดภัย
ข้อคิดเห็นหรือเอกสารทางวิชาการ (Scientific opinion) จากหน่วยงานประเมินความปลอดภัยที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น
- CODEX
- European Food Safety Authority (EFSA)
- Center for Food Safety and Applied Nutrition (CFSAN)
- Food Standard Australia New Zealand (FSANZ)
ข้อมูลเกี่ยวกับระเบียบ / กฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบในประเทศที่มีระบบประเมินความปลอดภัย หรือมีระบบในการกำกับดูแลก่อนออกสู่ตลาด เช่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา
กล่าวโดยสรุป ปริมาณสารสกัดได้มาตรฐานและมีคุณภาพนั้น ต่างมีกฎระเบียบและข้อบังคับทั้งสิ้น โดยอ้างอิงตามประกาศจากหน่วยงานรัฐ เป็นเรื่องพื้นฐานของมาตรฐานที่ผู้บริโภคควรรับรู้ ในการบริโภคอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นๆ เพราะปริมาณของสารสกัดนั้นมีผลเกี่ยวข้องกับร่างกายของผู้บริโภคโดยตรงการใส่ในปริมาณมากเกินไป ไม่เพียงแต่เกิดโทษกับร่างกาย แต่ยังเป็นการละเมิดข้อกฎหมายตามประกาศจากกระทรวงสาธารณสุขอีกด้วย
เพราะฉะนั้นก่อนจะบริโภคควรอ่านข้อมูล และตรวจสอบข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ หรือการหาข้อมูลอ้างอิงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้นๆ ได้มาตรฐานผลิตภัณฑ์ มีคุณภาพ ตรวจสอบที่มาที่ไปของแหล่งวัตถุดิบได้ และเป็นสถาบันที่ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานที่ได้รับการประกาศจากกระทรวงสาธารณสุข เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของผู้บริโภค
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ผู้อ่านคงอยากรู้ข้อมูล รายละเอียด เกี่ยวกับสารสกัดว่าคืออะไร และมีที่มาที่ไป มีประโยชน์อะไรกับร่างกายทางด้านไหนบ้าง
สารสกัด คืออะไร
สารที่ได้จากกระบวนการแยกสารสำคัญหรือสารออกฤทธิ์ออกมา โดยการใช้ตัวทำลายที่เหมาะสม ทำการลายสารออกฤทธิ์ที่ต้องการ ออกมาจากเนื้อสิ่งมีชีวิตที่สกัดได้สามารถแบ่งสารสกัดได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่
- สารสกัดหยาบ คือ สารสกัดที่ได้จากการสกัดขั้นตอนเดียว โดยใช้ตัวทำละลายชนิดเดียว สารสกัดที่ได้จะมีสารสำคัญหลายชนิดปะปนกันอยู่
- สารสกัดบริสุทธิ์ คือ สารสกัดที่ได้จากตัวทำละลายและนำเข้ากระบวนการแยกสารหลายขั้นตอน สารสกัดที่ได้จะมีชนิดเดียวหรือกลุ่มเดียวกัน
สารสกัด มีอะไรบ้าง
1.สารสกัดสมุนไพร คือ การสกัดสาระสำคัญในเนื้อสมุนไพรด้วยตัวทำละลายชนิดต่างๆ การทำให้สมุนไพรอยู่ในรูปของสารสกัด ทำให้ได้ตัวยาที่บริสุทธิ์ สามารถควบคุมความแรงของยาได้ง่ายขึ้น ยังเป็นการลดความเสื่อมสภาพของตัวยา อันเนื่องมาจากการกระทำของเอนไซม์ที่ปนอยู่ในสมุนไพร อีกทั้งทำให้ตั้งตำรับยาคงตัวง่ายขึ้นได้ผลิตภัณฑ์ที่สวยงามและน่าใช้ นอกจากนี้สารสกัดสมุนไพรยังทำให้อยู่ในรูปแบบยาเม็ดได้ดี ถูกดัดแปลงในรูปผงบรรจุแคปซูลหรือชาชงสมุนไพร เพื่อให้ทันสมัยและสะดวกในการรับประทานและสามารถพัฒนาจนเป็นยาฉีดที่ปลอดภัยได้
2. สารสกัดจากพืช คือ สารสำคัญที่สกัดได้จากพืช เป็นตัวทำละลายรวมถึงวิธีการที่เหมาะสมในการสกัด ที่สำคัญต้องไม่เปลี่ยนองค์ประกอบของสารสกัดจากพืช โดยจะใช้ส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช เช่น ราก หัว เหง้า เปลือก ลำต้น และใบ ซึ่งแต่ละส่วนเมื่อนำมาสกัดจะได้สารที่ออกฤทธิ์เฉพาะทาง มีความเป็นลักษณะเฉพาะตัวของพืชในแต่ละชนิด
3. สารสกัดจากธรรมชาติ คือ สาระสำคัญที่สกัดได้จากพืช สารสกัดจากธรรมชาติจะมีทั้งแบบแห้งด้วยวิธีการอบแห้ง และ แบบสารสกัด ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชและการนำไปใช้งาน โดยส่วนใหญ่วิธีการสกัดสารสกัดธรรมชาติมีหลากหลายวิธี การค้นน้ำสด การสกัด การต้ม การกลั่นด้วยไอน้ำ การสกัดด้วยตัวทำละลาย และจะถูกนำไปใช้งานทางด้านอาหาร , ยา , เครื่องสำอาง ไม่มีสารเคมีตกค้างจากยาที่มีผลต่อไตอย่างยาที่เป็นเคมีสังเคราะห์
ประโยชน์ ของสารสกัด
ด้านการเกษตร
การนำสารสกัดจากพืชมาใช้ประโยชน์ทางการเกษตรมีมาตั้งแต่สมัยอดีตที่ผ่านมา โดยนิยมนำไปใช้เพื่อใช้เป็นสารฆ่าแมลง นำไปใช้ในการควบคุมศัตรูพืช ทำให้แมลงกินพืช-ผลน้อยลง ลดการเจริญเติบโตของแมลง ลดการผลิตและการวางไข่ของแมลงตัวเมีย
- การนำรากกระชายขาวมาตำกับตะไคร้ ข่า หอมแดงและใบสะเดาแก่ ให้ละเอียดแล้วนำมาผสมกับน้ำ ฉีดพ่นตามบริเวณที่มีสิ่งรบกวน
- สารสกัดจากดีปลี มีฤทธิ์ในการฆ่าและควบคุมการเจริญเติบโต ยับยั้งการกินใบพืช ทั้งสารสกัดกระชายขาวและสารสกัดจากดีปลีนั้นช่วยฆ่าหนอนกระทู้ผัก
ด้านความงาม
สารสกัดในกลุ่มนี้จะถูกนำมาเป็นส่วนผสมหลักเพื่อช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เกี่ยวกับผิวพรรณทำให้กระจ่างใส ผิวกระชับ ชะลอความเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ลดอัตราการสร้างสีเมลานินทำให้ผิวมีสีเข้มขึ้น บำรุงผิวพรรณ ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆ
- สารสกัดกระชายขาว เป็นสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติเสริมความงาม ช่วยสร้างคอลลาเจน กระชับรูขุมขน ทำให้ผิวขาวกระจ่างใส ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย สามารถยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานินอีกด้วย
- สารสกัดจากรากหม่อน หรือที่รู้จักกัน มัลเบอร์รี่ ผลไม้รสเปรี้ยวหวานเย็น เป็นสารสกัดจากสมุนไพรที่ช่วยลดจุดด่างดำบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าใสขึ้น
ด้านการรักษา
สารสกัดจากพืชและจากธรรมชาติ ที่นำมาใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์เพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะถูกนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น
- สารสกัดกระชายขาว นอกจากด้านความงามแล้ว สารสกัดกระชายขาวยังมีสรรพคุณและประโยชน์ที่นำมาใช้ทางด้านการรักษามากมาย จากงานวิจัยทางการแพทย์ยังนำสารสกัดกระชายขาวเพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ และสารสกัดกระชายขาวยังมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ลดการอักเสบของกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
- สารสกัดจากระเทียม ถูกนำมาใช้ด้านการรักษา ช่วยลดไขมันและคอเลสเตอรอล ช่วยรักษาโรคทางเดินหายใจ เนื่องจากกระเทียมมีคุณสมบัติร้อนทำให้เกิดผลที่ดีต่อระบบทางเดินหายใจ การไหลเวียนโลหิต ทำให้ลดความดันโลหิตในเลือดได้ ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งอีกด้วย
ด้านการส่งเสริมสุขภาพ
- ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้ทำงานได้ปกติ
- เรื่องการนอนหลับ
- การล้างสารพิษในร่างกาย ปรับสมดุล ระบบภายใน
- เรื่องบำรุงกระดูกและข้อต่อ
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- สมรรถภาพสำหรับเพศชาย
- เรื่องระบบขับถ่าย แบคทีเรียลำไส้
- ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร
- กลุ่มสำหรับเพศหญิง แม่ต้องการบำรุงหลังคลอด กระตุ้นการหลั่งน้ำนม
- สร้างกล้ามเนื้อ การเจริญเติบโต การปวดเมื่อยร่างกาย ทางกายภาพต่างๆ
- เรื่องผิวพรรณต่างๆ สิว ฝ้า ผื่นคันแดง โรคผิวหนังบางชนิด
- บำรุงหัวใจ
- บำรุงสมองและดวงตา
- ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ
วิธีการสกัด สารสกัด
- การสกัดด้วยการกลั่น (Distillation extraction)
- การสกัดโดยใช้ตัวทำละลายสกัด (Solvent extraction)
- การสกัดสมุนไพร (พืช) ด้วยของไหลวิกฤติยิ่งยวด (Supercritical fluid extraction)
- การสกัดสมุนไพรต่อเนื่อง (Continuous extraction)
- การสกัดด้วยวิธีเพอร์โคเลชัน (Percolation)
- การสกัดด้วยวิธีการหมัก (Maceration)
- การสกัดแบบต่อเนื่องโดยใช้ความร้อน (Soxhlet extraction)
- การสกัดของเหลวด้วยของเหลว (Liquid-liquid extraction)
- การสกัดน้ำมันหอมระเหย (Extraction of volatile oil)
เคล็ดไม่ลับมาตรฐานการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
1.มาตรฐานกระบวนการผลิตและการผลิต ควรตรวจสอบมาตรฐานของโรงงานขั้นพื้นฐานที่เป็นสถานที่ผลิตนั้น ผ่านมาตรฐานสากลระดับโลก GMP / HACCP / HALAL สามารถตรวจสอบได้จากรายละเอียดฉลากผลิตภัณฑ์
- โดยตรวจสอบรายชื่อโรงงานผลิตผ่าน google.com เพื่อดูข้อมูลรายละเอียดของโรงงานผลิต ซึ่งการมีมาตรฐานรับรองจะเป็นตัวยืนยันว่าอาหารเสริมปลอดภัยและเชื่อถือได้
- โดยตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์สุขภาพผ่าน https://oryor.com/check-product-serial เมื่อทำการกรอกเลขสารบบอาหาร 13 หลัก จะปรากฎรายละเอียดชื่อตราสินค้า ชื่อสินค้า ชื่อผู้ผลิต ตรงกับที่ระบุไว้บนฉลากผลิตภัณฑ์หรือไม่? ถ้าไม่ตรงอาจเป็นไปได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นปลอมแปลงฉลากหรือสวมเลขมาใช้
2.สารสกัดหรือส่วนประกอบ อย่างที่แจ้งข้อมูลเรื่องมาตรฐานและวิธีการตรวจสอบสารสกัด ที่สามารถตรวจสอบได้ โดยหาข้อมูลในอินเตอร์ทุกครั้งว่า สารสกัดหลักจากธรรมชาติ มีสรรพคุณช่วยตรงตามที่คนขายได้ทำการโฆษณาหรือไม่? ปริมาณการใส่เกินจากที่กฎหมายบังคับไว้หรือไม่? หากทานไปจะมีผลข้างเคียงหรือไม่? มากน้อยแค่ไหน?
3.ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ตราสินค้า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่น่าเชื่อถือจะไม่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริงในด้านรักษาโรค หลักๆจะเน้นในเรื่องของการป้องกันโรค ส่งเสริมด้านสุขภาพด้านใดด้านนึง มีที่มาที่ไป ที่สามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอนเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ไม่เพียงแต่จากการโฆษณา แต่ควรได้รับความน่าเชื่อถือแบบกลุ่มองค์กร หรือหน่วยงาน บริษัทที่มีชื่อเสียงเฉพาะทางด้านนั้นๆมาเป็นเวลานาน สำคัญเป็นที่ยอมรับจากกลุ่มผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก หรือแม้แต่การเป็นที่ยอมรับจากคนทั้งประเทศเองด้วย