เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารธรรมชาติที่ออกฤทธิ์กระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ปรับระบบภูมิต้านทานของร่างกายที่ผิดปกติ ช่วยกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถกระตุ้นเม็ดเลือดขาวขนาดใหญ่ที่คอยกัดกินสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย (Macrophage) ให้ออกมาทำงานได้
เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารประเภทใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไม่น้อยเลย โดยเฉพาะกับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อต้านทานเชื่อก่อโรค ชะลอความเสื่อมและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ใหญ่หรือคนทำงานที่มีไลฟ์สไตล์อันเร่งรีบหรือมีความเครียดสะสม
“เบต้ากลูแคน” เป็นสารอาหารจากธรรมชาติที่แพทย์ทางเลือกมักจะแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งใช้ในการกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายหรือเภสัชกรมักจะแนะนำให้ผู้ที่รักสุขภาพโดยทั่วไปนิยมทานเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง
การศึกษาของคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยลุยส์วิลล์ ได้ทำการศึกษาเบต้ากลูแคนและพบว่าสามารถผลิตจากสารตั้งต้นที่แตกต่างกันได้คือ
- เบต้ากลูแคนที่ผลิตจากพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ สาหร่าย โสม เป็นต้น
- เบต้ากลูแคนที่ผลิตจากยีสต์ เป็นการสกัดเบต้ากลูแคนจากยีสต์สายพันธุ์ต่าง ๆ
เบต้ากลูแคน จำเป็นต่อร่างกายอย่างไร
เบต้ากลูแคน (BETA GLUCAN) คือ น้ำตาลเชิงซ้อนชนิดหนึ่งที่เรียงตัวกันหลายโมเลกุล หรือที่เรียกว่า โพลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharide) มีคุณสมบัติเป็นใยอาหารธรรมชาติ (Fiber) ที่ช่วยในระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย โดยเบต้ากลูแคนแต่ละชนิด จะมีโครงสร้างที่แตกต่างกัน จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า โครงสร้างแบบเบต้า 1,3 กลูแคนที่สกัดจากผนังเซลล์ของยีสต์ขนมปังสายพันธุ์ Saccharomyces Cerevisiae มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นและเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกายสูงสุด
เบต้ากลูแคน เป็นสารอาหารธรรมชาติ โดยเฉพาะในอาหารที่เรารับประทานกันในแต่ละมื้อ ไม่ว่าจะเป็นธัญพืช ข้าวโอ๊ต รำข้าว ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ โดยเบต้ากลูแคนที่พบได้ในธัญพืชจะเป็นกลุ่มโครงสร้าง beta-1,3/1,4-glucan ส่วนกลุ่มโครงสร้าง beta-1,3/1,6-glucan จะพบได้ในเห็ด ยีสต์สุรา และยีสต์ขนมปัง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ “ยีสต์เบต้ากลูแคน” เป็นเบต้ากลูแคนที่สกัดจากยีสต์นั่นเอง
ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายนั้นเปรียบเสมือนเมืองหน้าด่านของร่างกาย เมื่อใดที่สิ่งแปลกปลอมอย่างสารหรือเชื้อโรคชนิดต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์จากภายใน ภูมิคุ้มกันของร่างกายก็จะสร้างโปรตีนชนิดพิเศษที่เรียกว่า แอนติบอดี (Antibody) ขึ้นมาต่อสู้กับการติดเชื้อหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้น และคงอยู่ในร่างกายเพื่อเฝ้าระวังการติดเชื้อครั้งถัดไป ยิ่งหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ สิ่งแปลกปลอมก็จะเข้ามาได้ง่าย อาการป่วยเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง รวมถึงร่างกายยังฟื้นตัวหรือหายดีได้ช้าลง
การเสริมภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ในด้านนี้อย่างเบต้ากลูแคน จึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเองมากนัก เนื่องจากเบต้ากลูแคนส่งผลต่อการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในระบบภูมิคุ้มกัน จากงานวิจัยส่วนหนึ่งชี้ให้ว่า เบต้ากลูแคนมีคุณสมบัติในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
การศึกษาประสิทธิภาพของเบต้ากลูแคนจากยีสต์ที่ทำจากขนมปังในนักวิ่งมาราธอน และในผู้ที่มีความเครียดระดับปานกลาง พบว่าการใช้เบต้ากลูแคนยีสต์ขนมปังขนาด 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อย 4-12 สัปดาห์ สามารถลดอาการของการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน โดยเฉพาะอาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ
โดยสรุปเบต้ากลูแคนจากยีสต์ ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายในผู้ที่วิ่งมาราธอนและในผู้ที่มีความเครียด โดยช่วยลดอาการเมื่อมีการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น อาการเจ็บคอ น้ำมูกไหล และอาการไอ ขนาดที่ใช้ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 4-12 สัปดาห์ ไม่มีรายงานการเกิดอาการความเป็นพิษจากการใช้เบต้ากลูแคน แต่อย่างไรก็ตามไม่มีประโยชน์ในคนสุขภาพดีทั่วไป และผลการศึกษาเกี่ยวกับอาหารเสริมเบต้ากลูแคนจากยีสต์มีจำนวนไม่มาก
การศึกษาในผู้ป่วยหญิงที่เป็นโรคมะเร็งเต้านม หลังบริโภคเบต้ากลูแคนจากยีสต์ปริมาณ 10 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 21 วันพบว่า เบต้ากลูแคนชนิดนี้มีคุณสมบัติต้านทานมะเร็งที่เกี่ยวเนื่องกับการกระตุ้นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งนำมาใช้เป็นทางเลือกช่วยปรับ และเสริมภูมิคุ้มกันระหว่างการรักษาโรคมะเร็งได้
ทั้งนี้ เบต้ากลูแคน ยังช่วยเข้าไปบำรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว ซึ่งเม็ดเลือดขาว ไม่มีฮีโมโกลบิน สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ เม็ดเลือดขาวที่ไหลเวียนอยู่ในกระเเสเลือดมีน้อยมากเมื่อเทียบกับเม็ดเลือดแดง โดยเม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคในร่างกาย กำจัดสารพิษและของเสียบางชนิด รวมทั้งช่วยกำจัดเซลล์ต่างๆที่ถูกทำลายโดยธรรมชาติ หรือเซลล์ที่ผิดปกติบางชนิด
และเม็ดเลือดขาวยังมีหลายชนิด บางชนิดทำหน้าที่ปล่อยสารพิษใส่ผู้รุกราน บางชนิดเข้าไปกินผู้รุกราน ซึ่งการที่เรามีอาการเจ็บป่วยบ่อยๆส่วนหนึ่งเกิดจากร่างกายสะสมสารพิษไว้มากเกินไป แต่เมื่อรับเบต้ากลูแคนเข้าไป เซลล์เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ก็ตื่นตัวขึ้นมาทำงาน แต่เป็นการตื่นตัวที่สามารถควบคุมได้ ไม่กลายเป็นภูมิต้านทานไวเกิน ฉะนั้นการที่เม็ดเลือดขาวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง จะยิ่งทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานโรคได้ดีขึ้น
นักวิจัยชื่อ นิโคลัส ลูซิโอ (Nicholas Di Luzio) รายงานครั้งแรกในปี ค.ศ.1960 ว่าเซลล์ร่างกายตอบสนองต่อเบต้ากลูแคน ต่อจากนั้นก็มีงานวิจัยจากอีกหลายๆ มหาวิทยาลัยของโลกที่ยืนยันเรื่องนี้ เมื่อกระตุ้นแล้วจะเกิดกระบวนการ 3 อย่างที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน คือ
- เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวให้มากขึ้น แต่บางครั้งการเพิ่มจำนวนก็ไม่ได้ช่วยกำจัดเชื้อโรค จึงต้องมีลำดับต่อไป
- เพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ทำงานโดยการแทรกตัวเข้าไปจู่โจมสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย
- เพิ่มความสามารถในการเขมือบสิ่งแปลกปลอมของเม็ดเลือดขาวให้สูงขึ้น
เบต้ากลูแคนตัวช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน
ในการดูแลสุขภาพและระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงไม่ได้มีเพียงเบต้ากลูแคนอย่างเดียว แต่ควรรับประทานสารอาหารและวิตามินอื่น ๆ ที่ดีต่อภูมิคุ้มกันร่วมด้วย เพราะจะช่วยให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อาทิ
สารสกัดกระชายขาว (Finger root) งานวิจัยที่เกิดจากความร่วมมือของคณะวิทยาศาสตร์ และ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์(องค์การมหาชน) หรือTCELS พบว่า สารสกัดกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการผลิตและการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส อีกทั้งยังสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสได้กว่า 100%
วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวและกระบวนการกำจัดเชื้อโรค มีส่วนช่วยในการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกาย บำรุงผิวหนังและกระดูก และช่วยในการสมานแผล
วิตามินบี 12 (Vitamin B12) เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ละลายได้ในน้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะพบในอาหารจำพวกเนื้อ ปลา ไข่ นม ตับ เป็นต้น วิตามินชนิดนี้นับเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ในแง่ของการเสริมสร้างการเจริญเติบโตและการทำงานของระบบประสาทและการส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือด
สารอาหารที่กล่าวมาข้างต้นล้วนให้ผลดีต่อระบบภูมิต้านทาน เสริมภูมิคุมกัน และระบบการทำงานอื่น ๆ ในร่างกายที่สำคัญเหมาะกับผู้ใหญ่และวัยทำงาน การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีส่วนผสมเบต้ากลูแคนควบคู่กับกระชายขาว และวิตามินที่มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกัน อย่างวิตามินซี วิตามินบี12 จึงน่าจะเป็นทางเลือกในการสร้างเสริมภูมิต้านทานที่ดีกว่าการรับประทานสารอาหารเพียงชนิดเดียว
ด้วยเหตุนี้ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงได้นำเบต้ากลูแคนและวิตามินต่าง ๆ รวมไว้ด้วยกัน เพราะบางคนอาจไม่สะดวกในการซื้ออาหารเสริมหลายกระปุกในครั้งเดียว อีกทั้งยังช่วยให้รับประทานได้อย่างครบถ้วนและต่อเนื่อง โดยปริมาณที่ทดสอบและแนะนำให้รับประทานเบต้ากลูแคนในแต่ละวัน เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันอยู่ที่ 100–500 มิลลิกรัม แตกต่างกันไปตามชนิดของเบต้ากลูแคน
ผลสรุปว่า การได้รับเบต้ากลูแคนเข้าสู่ร่างกายสำหรับผู้ใหญ่ จะมีแนวโน้มปลอดภัยมากที่สุดโดยการรับประทานซึ่งจากการศึกษาของนักวิจัยต่างประเทศมากมาย ยังไม่มีผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการรับประทานเบต้ากลูแคนแบบเห็นได้ชัดเลย แต่สำหรับการให้เบต้ากลูแคนทางกระแสเลือด จะมีผลทำให้เกิดอาการหนาวสั่น มีไข้ และปวดบริเวณที่ฉีดได้ รวมถึงปวดตามข้อ คลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ มีผดผื่น
ประโยชน์จากเบต้ากลูแคน
- เป็นตัวช่วยให้เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อโรค และเซลล์แปลกปลอมได้ดีขึ้นกว่าเดิม เบต้า-กลูแคนยังเพิ่มจำนวน และกระตุ้นการทำงานของเลือดให้กำจัด และป้องกันเซลล์มะเร็งต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
- ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และมีอาการข้างเคียงน้อยมากหลังการทำเคมีบำบัด เพราะจะเข้าไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดให้ร่างกาย
- ปรับระบบภูมิต้านทานของร่างกายที่ผิดปกติ และช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เข้าไปลดสารที่กระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการภูมิแพ้ ทั้งยังควบคุมไม่ให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานมากเกินไปด้วย
- บรรเทาอาการภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง หอบหืด แพ้เกสรดอกไม้
- ช่วยลดระดับคอเรสเตอรอลในเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหัวใจได้สะดวก ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ โรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
- สามารถชะลอไม่ให้น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป ช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง (Diabetes) และช่วยลดระดับความต้องการอินซูลินของร่างกาย
- เบต้า-กลูแคนช่วยฟื้นฟูสภาพของตับอ่อนให้เข้าสู่ภาวะปกติ และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ยับยั้งการอักเสบ และไปกระตุ้นไฟโบรบลาสท์ให้สร้างน้ำหล่อเลี้ยงข้อมากขึ้น จึงบรรเทาอาการปวดข้อ ข้ออักเสบได้
- ช่วยบรรเทาอาการปอดอักเสบ
- ช่วยฟื้นฟูบาดแผลภายนอก แผลอักเสบติดเชื้อ เนื่องจากเบต้า-กลูแคน มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค ยับยั้งการลุกลามของการอักเสบ ลดอัตราการตายของเซลล์
- ช่วยบรรเทาอาการท้องผูก ซึ่งมีคุณสมบัติ DETOX ลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายกลับไปสู่สภาวะปกติ เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นไฟเบอร์สูง (เส้นใย)
- เป็นอาหารของโปรไบโอติกในลำไส้ ช่วยเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย
- ลดภาวะกรดไหลย้อนซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
- ต้านอนุมูลอิสระฟื้นฟูผิว ลดเลือนริ้วรอย ผิวหนังยืดหยุ่น มีน้ำมีนวล ชุ่มชื้น ช่วยให้ผิวหนังแข็งแรง
- เพิ่มภูมิต้านทานช่วยรักษาโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ให้ภูมิคุ้มกันที่เคยทำงานผิดปกติกลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เบต้ากลูแคนข้อควรระวัง
- ผู้ที่แพ้ปลาทะเลหรือน้ำมันปลาไม่ควรรับประทานผลิตภัณฑ์เบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาคุมกำเนิด และยารักษาโรคอ้วนบางชนิดควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคนสูตรผสมน้ำมันปลา เพราะอาจส่งผลให้ยามีประสิทธิภาพลดลง
- สตรีมีครรภ์และผู้ให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลก่อนการรับประทาน เพราะยังไม่มีงานวิจัยที่รับรองความปลอดภัยของการใช้เบต้ากลูแคนขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคเอดส์ หรือผู้ป่วยโรคเอดส์ในระยะเริ่มแสดงอาการที่รับประทานเบต้ากลูแคนจากยีสต์อาจส่งผลให้ฝ่ามือและฝ่าเท้าหนา แต่อาจหายไปได้หลังหยุดใช้เบต้ากลูแคนประมาณ 2–4 สัปดาห์
- ผู้ที่รับประทานยากดภูมิคุ้มกันควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์จากเบต้ากลูแคน เพราะเบต้ากลูแคนจะไปกระตุ้นภูมิต้านทานร่างกาย จึงอาจทำให้ตัวยามีประสิทธิภาพลดลง เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine) ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporine) ยาเพรดนิโซน (Prednisone) เป็นต้น
สุดท้ายนี้ แม้จะมีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นถึงคุณประโยชน์ของเบต้ากลูแคนต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย แต่การเสริมภูมิคุ้มกัน โดยเริ่มต้นที่ตัวเองก็เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยไป ไม่ว่าจะเป็นพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น ออกกำลังเป็นประจำ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทำกิจกรรมผ่อนคลายความเครียด ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อ เพียงแค่ปรับพฤติกรรมตัวเอง ก็ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่ดีได้อย่างยั่งยืนแล้ว
การมีสุขภาพดีและแข็งแรงเป็นพื้นฐานของการมีชีวิตที่ดี ถือเป็นวิธีที่ทำให้ตัวเองมีความสุขได้ง่ายที่สุด เพราะเมื่อเรามีสุขภาพที่ดีแล้วเราก็จะมีความพร้อมมากพอในการทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงสามารถใช้เวลากับคนที่คุณรักได้ยาวนานกว่าที่เคย